จากบทความก่อนเราได้พูดถึงการหาคีย์เวิร์ดทำ SEO ด้วยกลยุทธ์ Holistic Search หรือการค้นหาแบบองค์รวม ที่จะรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากทั้งสองช่องทางการค้นหาอย่าง Paid Search (PCC) และ Organic Search (SEO) เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ บน Google
แต่ถ้าใครยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรลองหา Keyword Research แบบผสมผสานดีหรือไม่ กลัวว่าผลลัพธ์จะออกมาไม่ตรงความต้องการ ไม่ต้องกังวลไป วันนี้เราได้รวบรวม 4 ประโยชน์ของการทำ Holistic Search ที่คุณควรรู้มาให้แล้ว ไปดูกันเลย!
4 ประโยชน์ของการทำ Holistic Search
1. วางแผน Keyword Research ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Holistic Search จะรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจาก 2 ช่องทางการค้นหาทั้งแบบ Paid Search (PCC) และ Organic Search (SEO) โดยเราจะได้ทราบถึงคีย์เวิร์ดที่เป็นที่นิยมทั้งในส่วนของ PPC และ SEO รวมถึงข้อมูลเชิงลึกในแต่ละคีย์เวิร์ด ไม่ว่าจะเป็นอัตราการแข่งขัน พื้นที่ที่มีการแข่งขันสูง ปริมาณการค้นหา และราคาต่อคลิก จากนั้นเราก็สามารถนำคีย์เวิร์ดที่เป็นนิยมของทั้งสองฝั่งมาผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการแข่งขันของ PPC และ SEO ที่มีจำนวนการเกิดใหม่ขึ้นทุก ๆ วัน
2. ลดต้นทุนในการทำ Paid Search
หลังจากเราทราบถึงคีย์เวิร์ดที่เป็นที่นิยมทั้งในส่วนของ PPC และ SEO เราก็ต้องเลือกคีย์เวิร์ดของฝั่ง SEO ที่มีต้นทุนถูกหรือต้นทุนต่ำกว่าฝั่ง PCC เพื่อที่หวังจะได้กำไรจากการทำ PCC เพราะเมื่อโฆษณาของเราหมดอายุแล้ว เว็บไซต์ของเราก็ยังมีโอกาสที่จะปรากฏอยู่บนหน้าแรกต่อไป ดังนั้นการทำ Holistic Search จะช่วยลดต้นทุนการทำ Paid Search ได้มากขึ้นนั่นเองครับ
3. เพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกมากขึ้น
ในปัจจุบันช่องทางการค้นหาอย่าง Paid Search (PCC) และ Organic Search (SEO) มีจำนวนคู่แข่งใหม่เกิดขึ้นทุก ๆ วัน แม้ว่าการทำ SEO ที่ถูกต้องจะช่วยดันให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ บน Search Engine ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อัลกอริทึมของ Google นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ถ้าเราไม่อัปเดตข่าวสารอย่างเป็นประจำ ก็อาจทำให้เว็บไซต์ของเราตกไปอยู่อันดับท้าย ๆ ดังนั้นเป็นความจริงที่ว่าการทำ SEO ครั้งเดียวแล้วจบไม่มีอยู่จริง เพราะเป็นไปได้ยากที่เราจะครองตำแหน่งเดิมได้ตลอดไป เราจึงต้องหมั่นปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์อยู่เสมอ
หลายคนจึงหันมามองในส่วนของฝั่ง PPC หรือการเสียเงินเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณา ที่จะช่วยดันเว็บไซต์ให้ติดอันดับหน้าแรกได้อย่างแน่นอน แต่อย่าลืมไปว่าเมื่อไหร่ที่เราหยุดซื้อโฆษณา หรือโฆษณาหมดอายุแล้ว เว็บไซต์เราก็จะหายไปจากหน้า Search Engine ทันที เพราะไม่ได้มีการทำ SEO ร่วมด้วย ดังนั้นสรุปได้ว่าการทำทั้ง SEO หรือ PCC ก็ล้วนมีโอกาสที่ทำให้เว็บไซต์ตกอันดับได้ ถ้าเราไม่ใส่ใจในการหมั่นดูแลเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ
กลยุทธ์ Holistic Search จึงเข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญ เพราะแม้ว่าวันหนึ่งเราจะเลิกทำโฆษณาไปแล้ว ผู้ใช้งานก็ยังค้นหาเว็บไซต์เราเจออย่างแน่นอน หรือหากเราเลือกทำ SEO เว็บไซต์ก็จะไม่เป็นรองเว็บไซต์ที่ซื้อพื้นที่โฆษณาอีกต่อไป เรียกได้ว่า Holistic Search เป็นตัวช่วยที่ดันเว็บไซต์ให้ดูมีคุณภาพในสายตาอัลกอริทึมของ Google ได้มากเลยทีเดียว
4. เพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์
การลงมือทำ Holistic Search อย่างสม่ำเสมอจนทำให้เว็บไซต์ติดอันดับแรกบนหน้า Search Engine แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ตามมาอย่างชัดเจนก็คือ จำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผู้ใช้งานมักจะคลิกเข้าชมเว็บไซต์ที่ติดอันดับแรกบนหน้าการค้นหาก่อนเสมอ โดยถ้าหากมีคนคลิกเข้าชมเว็บไซต์มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจของคุณ เพราะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดขายให้ปังกว่าเดิมได้ครับ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้หลายคนตัดสินใจได้ว่าควรเลือกทำ Holistic Search หรือไม่ แต่รับรองว่าการค้นหาคีย์เวิร์ดอย่างผสมผสานจะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน เพราะ Holistic Search จะช่วยดันเว็บไซต์ของคุณให้ดูมีคุณภาพในสายตาอัลกอริทึมของ Google ได้มากเลยทีเดียว!
ทางทีม BEP Digital Agency ยินดีให้คำปรึกษาและรับทำ SEO รวมถึงรับทำ Digital Matketing แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น Content Marketing, Google Ads และ Social media Ads นอกจากนี้เรายังมีบริการในด้านของ Design อีกด้วย ทั้งรับออกแบบเว็บไซต์, UX/UI, Media design และ Branding สอบถามเพิ่มเติมได้ที่นี่
{{CTA="/blog"}}