ความนิยมในการขายของออนไลน์หรือการทำธุรกิจโดยใช้อินเตอร์เนตนั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นไปอีกจากพฤติกรรมการซื้อขายผ่านออนไลน์ที่มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตการณ์โควิดนี้ ผู้คนเปลี่ยนจากการไปซื้อของตามห้างสรรพสินค้าหรือแหล่งช้อปปิ้ง มาเป็นซื้อของผ่าน Application, Social Media, Marketplace ต่างๆผ่านมือถือ ที่ทั้งสะดวก ไม่เสี่ยงในเรื่องของโควิด และประหยัดเวลามากกว่าอีกด้วย รวมไปถึงการขยายตัวของธุรกิจขนส่งในประเทศที่รวดเร็ว น่าเชื่อถือ และมีทางเลือกหลากหลายมากขึ้น ทำให้โอกาสต่างๆสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทั้งรายเล็กและรายใหญ่เพิ่มขึ้นมาก แต่โอกาสก็อาจจะมาพร้อมการแข่งขันที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ดังนั้น สิ่งที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องใส่ใจก็คือ เทคนิคการขายของออนไลน์ ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำว่าเทคนิคที่คุณควรรู้มีอะไรบ้าง
1. เข้าใจสินค้าของตัวเอง
สินค้าคือสิ่งแรกสุดที่คุณต้องนึกถึง คุณอาจจะเลือกสินค้าที่คุณอยากนำมาขายจากความชอบส่วนตัว หรืออาจจะเป็นสินค้าตามกระแสที่กำลังขายดี การเลือกสินค้าที่จะนำมาขายควรคำนึงถึงราคาที่คุณจะตั้งขาย หากนำเอาปัจจัยด้านต้นทุนมาคิดหักลบแล้วเหลือเป็นกำไรหรือไม่ คำนึงถึงคุณภาพของสินค้า นำของดีมีมาตรฐานมาขาย ไม่ใช่ของด้อยคุณภาพที่อาจจะทำให้คุณต้องเก็บร้านเลิกขาย รวมไปถึงแพ็คเกจสินค้า ถ้าคุณมีแพ็คเกจที่สวยงามดึงดูดลูกค้าก็จะช่วยเพิ่มยอดขายได้
2. เข้าใจลูกค้า และตลาด
ลูกค้าก็คือกลุ่มเป้าหมายของคุณ สินค้าที่คุณจะนำมาขายนั้นเป็นสิ่งที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าประเภทไหน สินค้าของคุณนั้นสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้หรือไม่ กลุ่มเป้าหมายของคุณนั้นซื้อขายผ่านช่องทางใด เพื่อที่คุณจะได้เข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุด นอกจากนี้คุณควรจะทำการศึกษาคู่แข่งในตลาดของคุณด้วย เช่น มีคนขายสินค้าประเภทเดียวกับคุณมากน้อยเพียงใด มีจุดแตกต่างกับสินค้าของคุณอย่างไร การเข้าใจตลาดอาจจะทำให้คุณเห็นช่องว่างทางธุรกิจมากเพิ่มขึ้นอีกด้วย
3. เรียนรู้การใช้งานหลากหลายช่องทาง
คุณอาจจะเริ่มขายจากใน Marketplace ก่อน เช่น Lazada, Shopee เพราะสามารถเริ่มได้ง่าย จำนวนผู้ใช้งานเยอะ และใช้ต้นทุนต่ำ เมื่อคุณเริ่มต้นขายในระยะหนึ่ง คุณจะเข้าใจระบบ วิธีการขาย รวมถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น หลังจากนั้นคุณก็สามารถขยับขยายไปช่องทางในแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าที่คุณต้องการได้มากขึ้น เช่น Facebook หรือทำผ่านเว็บไซต์ของคุณ เป็นต้น
4. โฆษณาที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
การขายของออนไลน์ในปัจจุบัน คุณจำเป็นที่จะต้องทำการโฆษณาให้ลูกค้าเห็นและรู้จักคุณให้เยอะขึ้น ซึ่งการโฆษณาสามารถทำได้ในหลายช่องทาง แต่ละช่องทางก็มีจุดประสงค์และกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกันออกไป เครื่องมือในการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ง่ายที่สุดก็คือ การสร้าง Content ที่เหมาะสมและการยิง Ads ออกไปเพื่อกระจาย Content นั้นในวงกว้างขึ้นและตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่น โฆษณายิง Ads ใน Facebook หรือ Instagram จะเป็นเชิงรุกช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความสนใจในสินค้า หากเป็นใน TikTok จะโฟกัสไปที่ลูกค้าวัยรุ่น เป็นต้น
5. นำเสนอ Content ให้เหมาะสม
การสร้าง Content เช่น บทความ รูปภาพ อินโฟกราฟิก หรือวีดีโอ เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญ เพราะจะช่วยให้ลูกค้ามีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าของคุณ เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของคุณ และยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของคุณอีกด้วย เริ่มจากดูว่าสินค้าของคุณเหมาะกับการนำเสนอรูปแบบไหน คุณสามารถเขียนเกี่ยวกับรายละเอียดของสินค้า จุดเด่น สามารถแฝงความรู้ เทคนิคการใช้งานที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสินค้า หรืออาจจะนำกระแสไวรัล ณ ขณะนั้นมาเขียนเชื่อมโยงกับสินค้าคุณก็ได้เช่นกัน เมื่อคุณสร้าง Content ให้ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายแล้ว ก็สามารถเริ่มทำการยิง Ads เพื่อโปรโมทสินค้าได้เลย
บทความ รวมเทคนิคการเขียน Content ให้ปังกับบทความนี้ Link >>
6. จัดเก็บข้อมูล
ไม่ว่าคุณจะขายผ่านทางช่องทางไหน ข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญในการช่วยคุณวางแผนกลยุทธ์การขายต่างๆบนโลกออนไลน์ ซึ่งคุณสามารถทำการเก็บข้อมูลได้จากทุกช่องทางการขาย การที่คุณมีข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าอยู่ในมือนั้น จะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้ามากขึ้น สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า นำเสนอ Content ได้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และเป็นประโยชน์กับคุณในระยะยาวอีกด้วย การจัดเก็บข้อมูลแบบถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่คุณไม่ควรมองข้าม
7. บริหารความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า
เมื่อคุณสามารถดึงดูดลูกค้าเข้ามาผ่านการโฆษณาต่างๆแล้ว การบริการความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าจะช่วยให้คุณขายสินค้าได้ อย่าเน้นขายเพียงอย่างเดียว คุณควรที่จะดูแลใส่ใจบริการที่มีกับลูกค้าตั้งแต่เริ่มแรก มีการแนะนำเพิ่มเติม ตอบคำถามลูกค้าอย่างรวดเร็ว สอบถามลูกค้าว่าใช้สินค้าแล้วเป็นอย่างไรบ้าง มีการแจ้งข่าวสารอัพเดทโปรโมชั่นไปยังลูกค้าที่เคยติดต่อเข้ามาแล้วสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ลูกค้าจะเกิดความประทับใจ กลับมาซื้อซ้ำ หรืออาจจะช่วยบอกต่อเพื่อนพี่น้อง และรีวิวสินค้าให้คุณอีกด้วย
การเริ่มต้นของการทำธุรกิจออนไลน์ในช่วงแรก ต้องใช้ความอดทนและพยายามมากที่สุด ด้วยการแข่งขันที่สูงมากในตลาด ผลลัพธ์อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่คาด อาจจะทำให้ถอดใจได้ ดังนั้นการเรียนรู้เป็นเรื่องที่ดี แต่การลงมือทำนั้นสำคัญกว่า เพราะการเรียนรู้นั้นไม่ได้รับประกันความสำเร็จ ความสำเร็จเกิดจากการลงมือทำ
{{CTA="/blog"}}