การเลือกซื้อเครื่องสำอางไม่ใช่แค่การดูยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ที่ถูกใจแล้วซื้อเท่านั้น แต่ควรจะดูไปถึงฉลากบนเครื่องสำอางด้วยว่ามีการระบุข้อมูลอะไรบ้าง เพื่อให้ผู้บริโภคทราบถึงข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับตัวผลิตภัณฑ์ เช่น ส่วนผสม วิธีการใช้งาน คำเตือน หรือวันหมดอายุ ฯลฯ และช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ได้
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับรายละเอียดบนฉลากเครื่องสำอางว่าต้องมีข้อมูลอะไรปรากฏอยู่บนฉลากบ้างกันค่ะ
ฉลากเครื่องสำอางคืออะไร?
ฉลากเครื่องสําอางคือแถบข้อมูลและรายละเอียดที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ โดยจำเป็นต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงต่อความเป็นจริง และติดให้เห็นอย่างชัดเจน เพื่อเป็นประโยชน์และช่วยประกอบการตัดสินใจซื้อให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งการจะติดฉลากเครื่องสำอางได้จะต้องได้รับการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนว่าผลิตภัณฑ์ตรงตามข้อกำหนดหรือไม่
ฉลากเครื่องสำอางสำคัญอย่างไร?
ทุกผลิตภัณฑ์จะต้องมีฉลากเครื่องสำอางติดไว้ เพราะฉลากเครื่องสำอางมีหน้าที่ในการบอกข้อมูลสำคัญให้แก่ผู้บริโภคทราบ เช่น ประเภทของผลิตภัณฑ์ วิธีการใช้งาน วันเดือนปีที่หมดอายุ หรือส่วนประกอบสำคัญ เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจของผู้บริโภค ในกรณีที่ผู้บริโภคแพ้ส่วนประกอบบางชนิด การระบุส่วนประกอบไว้บนฉลากจะช่วยป้องกันในกรณีที่ผู้บริโภคมีอาการแพ้ได้ ดังนั้นฉลากเครื่องสำอางจึงมีความสำคัญมากสำหรับทุกผลิตภัณฑ์
บนฉลากเครื่องสำอางต้องมีอะไรบ้าง?
1. ชื่อเครื่องสำอางและชื่อทางการค้า
บนฉลากเครื่องสำอางจะต้องมีชื่อเครื่องสำอางและชื่อทางการค้า โดยชื่อจะต้องมีขนาดที่ใหญ่และโดดเด่นกว่าข้อความอื่น ข้อความที่ใช้จะต้องมีความสุภาพ ไม่มีการโฆษณาเกินจริงหรือทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นยา รวมทั้งต้องมีชื่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่มีความหมายเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ในกรณีที่ไม่มีความหมายเป็นภาษาอังกฤษ อาจเลือกใช้เป็นคำทับศัพท์แทนได้
2. ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง
บนฉลากเครื่องสำอางจะต้องบอกประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอางตรงตามที่จดแจ้งไว้กับ อย. โดยควรบอกให้ชัดเจนว่าเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทหรือชนิดอะไร เช่น ครีมอาบน้ำ ครีมกันแดด สบู่ หรือแชมพู ฯลฯ และผลิตภัณฑ์นั้นสามารถใช้กับส่วนใดได้บ้าง เช่น ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้เหมาะสำหรับใช้บนใบหน้า หรือใช้สำหรับศีรษะ ฯลฯ
3. ส่วนประกอบสำคัญ
บนฉลากเครื่องสำอางจำเป็นจะต้องมีส่วนประกอบสำคัญบอกไว้ ซึ่งส่วนประกอบสำคัญหมายถึงชื่อสารทุกชนิดที่เป็นส่วนผสม โดยจะต้องเรียงลำดับจากปริมาณมากไปน้อย เพื่อบอกให้ผู้บริโภคทราบว่ามีสารอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง เพราะสารบางชนิดอาจก่อให้เกิดอาการแพ้แก่ผู้บริโภคบางรายได้ รวมทั้งชื่อของสารจะต้องตรงตามที่ อย. กำหนดเท่านั้น
4. วิธีใช้
บนฉลากเครื่องสำอางจะต้องบอกวิธีใช้ให้ผู้บริโภคทราบ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์ที่สุด โดยบนฉลากจะต้องมีการระบุวิธีใช้ให้ชัดเจน อ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย ซึ่งอาจระบุด้วยว่าควรใช้บริเวณใด ใช้ปริมาณเท่าใด หรือควรใช้ในเวลาใด เช่น ครีมบำรุงบางชนิดควรทาเฉพาะกลางคืน หรือครีมบางชนิดที่ทาแล้วไม่จำเป็นต้องล้างออก ฯลฯ
5. ชื่อสถานที่ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า
ในกรณีที่ผลิตเองในประเทศไทย จำเป็นจะต้องระบุชื่อและสถานที่ของโรงงานที่ผลิตบนฉลากเครื่องสำอาง ส่วนในกรณีที่เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้า จะต้องระบุชื่อและสถานที่ของผู้นำเข้า รวมทั้งระบุชื่อและประเทศที่ผลิตไว้ด้วย เพื่อเป็นการแสดงความรับชอบของเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่มีต่อผู้บริโภคหากเกิดปัญหาในการใช้งาน
6. ปริมาณสุทธิ
บนฉลากเครื่องสำอางจะต้องบอกปริมาณสุทธิหรือปริมาณของสินค้าไว้ โดยสามารถระบุปริมาณเป็นน้ำหนัก (กรัมหรือมิลลิกรัม) หรือระบุเป็นปริมาณ (มิลลิลิตร) ก็ได้ และจำเป็นต้องมีขนาดตัวอักษรตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดด้วย การบอกปริมาณสุทธินั้นจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบปริมาณและราคาของเครื่องสำอางในประเภทเดียวกันได้
7. เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต
บนฉลากเครื่องสำอางจะต้องบอกเลขที่แสดงครั้งที่ผลิต หรือ Lot Number ซึ่งหมายถึงเลขที่บอกครั้งหรือรุ่นที่ผลิตในปีนั้น ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคทราบว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นสินค้าเก่าหรือสินค้าใหม่ และสามารถคำนวณอายุการใช้งานก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ในเบื้องต้นได้ รวมถึงสามารถใช้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ย้อนหลังได้ในกรณีที่สินค้าเกิดปัญหาและจำเป็นต้องมีการอ้างอิง
8. วันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ
บนฉลากเครื่องสำอางสามารถบอกวันเดือนปีที่ผลิตและวันเดือนปีที่หมดอายุของผลิตภัณฑ์ได้ เพื่อให้ทราบถึงอายุของผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีวันหมดอายุน้อยกว่า 30 เดือน จำเป็นจะต้องระบุวันเดือนปีที่หมดอายุไว้บนฉลาก แต่หากผลิตภัณฑ์นั้นมีอายุการใช้งานเกิน 30 เดือน ไม่จำเป็นต้องระบุวันเดือนปีที่หมดอายุก็ได้
9. คำเตือน (ถ้ามี)
ผลิตภัณฑ์บางประเภทอาจก่อให้การเกิดระคายเคืองขณะใช้งาน ดังนั้นหากผลิตภัณฑ์จำเป็นต้องมีคำเตือนหรือข้อควรระวัง ควรระบุคำเตือนเพิ่มเติมบนฉลากเครื่องสำอางให้ผู้บริโภคทราบด้วย เช่น ผลิตภัณฑ์นี้อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองแก่ผู้ใช้งานบางรายได้ ควรมีการทดสอบก่อนใช้งาน หรือหยุดใช้งานเมื่อเกิดการระคายเคือง และควรพบแพทย์ทันที ฯลฯ
10. เลขที่จดแจ้ง
บนฉลากเครื่องสำอางจะต้องบอกเลขที่จดแจ้ง ซึ่งหมายถึงเลขที่แสดงสัญลักษณ์ว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้ดำเนินการแจ้งรายละเอียดการผลิตเพื่อขายหรือนำเข้าเพื่อขายตามข้อกำหนดของ อย. แล้ว โดยเลขที่จดแจ้งจะเป็นเลขจำนวน 10 หรือ 13 หลัก เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถนำเลขที่จดแจ้งไปสืบค้นข้อมูลของผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์ของ อย. ได้
ฉลากเครื่องสำอางจำเป็นอย่างมากต่อทุกผลิตภัณฑ์ หากผลิตภัณฑ์บางยี่ห้อไม่มีข้อมูลเหล่านี้อยู่บนฉลาก หรือมีข้อมูลไม่ครบถ้วน ไม่สามารถระบุข้อมูลบนฉลากได้อย่างชัดเจน อาจหมายความได้ว่าผลิตภัณฑ์ตัวนั้นอาจไม่ผ่าน อย. หรือผิดกฎหมายนั่นเองค่ะ