Back

AIO GEO AEO แตกต่างกับ SEO อย่างไร?

Fast Fact

Fast Fact

Fast Fact

สิ่งที่น่าสนใจ

คำว่า AIO จริง ๆ แล้วมีความหมายใกล้เคียงกับ Generative Engine Optimization (GEO) ครับ

GEO คือการปรับแต่งและนำเสนอข้อมูลให้เหมาะสมกับการประมวลผลของระบบ LLM หรือ Large Language Model  ซึ่งจะรวบรวมคำตอบจากหลายแหล่งข้อมูล แล้วสรุปออกมาเป็นคำตอบที่พร้อมใช้งาน เช่น ผ่าน Google Search, ChatGPT, หรือ AI Overview

ดังนั้น การทำเนื้อหาที่มีคุณภาพ ให้ข้อมูลถูกต้องครบถ้วน และอ้างอิงจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้าน SEO เท่านั้น แต่ยังทำให้ธุรกิจพร้อมตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ค้นหาคำตอบผ่าน AI ได้อย่างรวดเร็วและน่าเชื่อถืออีกด้วย

AIO คืออะไร?

AIO มีความหมายอยู่ 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่

  1. AIO หรือ AI Overview — ระบบค้นหาข้อมูลแบบใหม่บน Google ที่ทำขึ้นมาเพื่อช่วยผู้ใช้งานให้หาข้อมูลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

  1. AIO ยังหมายถึง AI Optimization ได้อีกความหมายครับ — ในเชิงการตลาด หมายถึงการนำ AI เข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูล การทำ Content การสร้าง Asset ไปจนถึงการเขียน Code

จากที่ทีมได้ทดลองใช้งานจริง พบว่า AI สามารถให้ข้อมูลได้ถูกต้องและรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้ Prompt ที่แม่นยำ ถูกต้อง สิ่งนี้จะทำให้ AI กลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและมีประโยชน์อย่างมากในการทำงานยุคปัจจุบัน

AIO คืออะไร

AEO คืออะไร?

Answer Engine Optimization (AEO) คือขั้นตอนและวิธีการที่จะปรับเนื้อหาบนเว็บไซต์ทั้งหมดให้เหมาะสม เพื่อให้สามารถถูกนำไปแสดงผลผ่านระบบ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อ AI ดึงข้อมูลเชิงลึกที่แบรนด์เผยแพร่ผ่านบทความในเว็บไซต์มาใช้ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ แต่ยังช่วยสร้างการจดจำแบรนด์ในสายตาผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ การทำ AEO ยังส่งผลดีต่อ SEO อีกด้วย โดยสามารถทำให้ข้อมูลบนเว็บไซต์ติดอันดับใน Google search รวมไปถึง Snippet และ ส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

แล้วคำศัพท์เหล่านี้ แตกต่างจาก SEO ปกติอย่างไร?

ไม่ว่าจะ AIO, AEO, หรือ GEO ทุกคำล้วนเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการทำ SEO และการทำให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรก

แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ AIO, AEO, และ GEO คือการเน้นทำให้ผลลัพธ์อยู่ใน Generative AI ส่วน SEO ยังคงอยู่ใน Organic Search เหมือนเดิมนั่นเองครับ

ในปี 2025 พฤติกรรมของผู้ใช้งานเริ่มเปลี่ยนไปและเริ่มพึ่งพา Generative AI มากขึ้นอย่าง โดยเฉพาะการหาข้อมูลและเปรียบเทียบเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งนั่นแปลว่า AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตและการทำงานไปเรียบร้อยแล้ว

และนั่นทำให้การทำ SEO อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เป็นส่วนสำคัญมากสำหรับทุกธุรกิจ !

แล้วเราควรโฟกัสตรงส่วนไหนก่อน?

ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในตอนนี้คึอ การทำ SEO อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเสริมส่วน GEO เข้าไปในกลยุทธ์การทำงานในปัจจุบัน เพราะตัว SEO และ GEO สามารถส่งเสริมกันและกันได้เป็นมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ธุรกิจของคุณสามารถติดอันดับได้ทั้งบน Google search และ AI Overview ครับ

แล้วจะเริ่มทำ GEO หรือ Generative Engine Optimization ได้อย่างไร?

GEO คือการโฟกัสให้เว็บไซต์และเนื้อหาของคุณสามารถติดอันดับบน AI tools ได้ ซึ่งจะสามารถช่วยเสริมการแสดงผลของแบรนด์ ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และทำให้ข้อมูลที่ปรากฎบน AI นั้นถูกต้องและครบถ้วน

เริ่มตั้งแต่การวางแผนทำ Content เชิงลึก, การสร้าง Asset ใหม่ ๆ, และการจัดการข้อมูลที่ AI สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ GEO ไม่ได้ช่วยแค่ AI Results เท่านั้น แต่การทำ GEO ยังช่วยให้คนจดจำ Brand ของคุณได้มากขึ้น และ ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถืออีกด้วย

ปัจจุบันอาจจะมีหลายแบรนด์ที่ประสบปัญหา Traffic คนเข้าเว็บไซต์ลดลง การทำ GEO จึงเป็นทางเลือกที่จะช่วยดึงโอกาสและเติมส่วนนี้กลับคืนมาได้ครับ

พร้อมหรือยัง...ที่จะใช้ SEO อย่างเต็มตัวกับธุรกิจ?

หากคุณพร้อมจะเปลี่ยนแปลงให้แบรนด์ของตัวเอง และวันนี้คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเริ่มต้น!

BEP Digital Agency พร้อมอยู่ข้างคุณตั้งแต่วันแรก ให้คุณเริ่มต้นได้อย่างมั่นคง พร้อมเครื่องมือและทีมงานที่เข้าใจการตลาดดิจิทัลอย่างแท้จริง เพื่อให้การเริ่มต้นของคุณไม่ใช่แค่ฝัน แต่กลายเป็นความจริงที่เติบโตได้ต่อเนื่อง ทักแชทเลย!

Blogs Recommended

Back to top