Back

เพิ่มความว้าวให้งานพรีเซ้นต์ด้วย Motion Graphic

Table of Contents

แน่นอนว่า การนำเสนอผลงานหรืออธิบายรายละเอียดของธุรกิจและสินค้า เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้รับชมได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น มักจะถูกนำเสนอผ่านรูปแบบของ PowerPoint แต่ในโลกปัจจุบันนั้นหลายคนอาจจะมองว่าแค่ PowerPoint อย่างเดียวยังไม่พอ ดูเบสิคเกินไป ใครๆก็ทำกัน จะดีกว่าไหมถ้าคุณลองเปลี่ยนจากการพรีเซ้นต์ด้วยภาพนิ่งแบบ PowerPoint มาเป็นภาพเคลื่อนไหวอย่าง Motion Graphic


Motion Graphic (โมชั่นกราฟิก) ก็คือการนำเสนอภาพกราฟิกที่เราออกแบบให้เคลื่อนไหวได้โดยนำมาจัดเรียงต่อๆกัน ปัจจุบัน Motion Graphic ได้ถูกนำมาใช้กันแพร่หลายมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เนื่องจากสามารถนำมาสื่อสารเล่าเรื่องเพื่อทำให้ผู้รับชมเข้าใจได้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น อีกทั้งยังมีชีวิตชีวามากกว่าการเล่าเรื่องราวผ่านแค่ภาพนิ่งจาก PowerPoint และเมื่อเทียบกับการนำเสนออีกหนึ่งรูปแบบอย่าง VDO presentation นั้น ก็พบว่า Motion Graphic ใช้ระยะเวลาน้อยกว่าในราคาย่อมเยากว่าอีกด้วย

Motion Graphic ช่วยอะไรธุรกิจคุณได้บ้าง?

ทุกวันนี้ลูกค้าจะได้เห็นพรีเซ้นต์เยอะมากๆในแต่ละวัน ดังนั้นการที่คุณจะทำให้ลูกค้าหรือผู้รับชมจำได้และเข้าใจในธุรกิจหรือสินค้าของคุณได้อย่างง่ายดายในเวลาสั้นๆนั้น การทำ Motion Graphic ก็เป็นหนึ่งในคำตอบที่จะช่วยตอบโจทย์ให้กับธุรกิจของคุณ


Motion Graphic นั้นจะช่วยอธิบายสินค้าและบริการของคุณ หรือจะเป็นขั้นตอนการทำงานของคุณตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการได้อย่างครบถ้วนในระยะเวลาสั้นๆ อีกทั้งยังมีความแปลกใหม่ ดูน่าสนใจ ไม่น่าเบื่อ เพิ่มความสนุกสนานให้กับการรับชม และช่วยกระตุ้นความสนใจของผู้รับชมที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการได้

ข้อแนะนำในการทำ Motion Graphic

การทำ Motion Graphic ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายมากนัก เพราะนอกจากคุณจำเป็นที่จะต้องมีพื้นฐานในโปรแกรมการสร้างภาพนิ่งอย่าง Illustrator หรือ Photoshop เพื่อที่จะใช้โปรแกรมการทำ Motion Graphic ที่ต้องมีความเชี่ยวชาญค่อนข้างสูงและต้องใช้ระยะเวลาศึกษา อย่างโปรแกรม Adobe After Effect แล้วนั้น คุณจำเป็นที่จะต้องวางแผน รวมเอาข้อมูลมานำเสนอโดยใช้ศิลปะมาเป็นตัวช่วยอีกด้วย


ข้อแนะนำก่อนจะลงมือทำ Motion Graphic

กำหนดเรื่องราว เรียงลำดับ Content ให้ดี


ก่อนที่คุณจะลงมือทำ ควรมีการกำหนดให้ชัดเจนว่าต้องการสื่อสารเนื้อหาประเภทไหนและกลุ่มผู้รับชมแบบไหน เช่น ต้องการนำเสนอกระบวนการทางธุรกิจของคุณให้กับลูกค้าทราบ หรือนำเสนอขายสินค้าของคุณบนโลกออนไลน์ เป็นต้น จากนั้นกำหนดเรื่องราว Story Telling ให้สามารถเข้าใจได้ง่าย จัดเรียง Content ให้เหมาะสม โดยมีเนื้อหาที่ตรงตามวัตถุประสงค์การนำเสนอ


นำเสนอในระยะเวลาที่เหมาะสม


Motion Graphic ก็เปรียบเป็นน้องๆของ Video ที่ทำให้เห็นเรื่องราว ดังนั้นเนื้อหาและระยะเวลาการนำเสนอนั้นไม่ควรสั้นเกิน หรือมากจนเกินไป ควรทำให้กระชับและตอบวัตถุประสงค์การสื่อสารได้ เพราะระยะเวลานั้นมีผลต่อการเลือกรับรู้และการตัดสินใจซื้อของผู้รับชม

Motion Graphic นั้นอาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดและใช้ระยะเวลาในการศึกษา แต่หากคุณสามารถสื่อสารออกมาได้อย่างกระชับและตอบวัตถุประสงค์การสื่อสารได้ ผลลัพธ์ที่จะได้ก็คุ้มค่าพอสมควร มันจะทำให้คุณแตกต่างจากคู่แข่ง อีกทั้งยังสามารถสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจ และยังเพิ่มความน่าเชื่อถือได้อีกด้วย

{{CTA="/blog"}}

Blogs Recommended

Back to top