Back

วิธีจัดโครงสร้างแคมเปญบน Google Ads

Chapter 6 วิธีจัดโครงสร้างแคมเปญ

โครงสร้างของแคมเปญถือเป็นส่วนหนึ่งสำคัญอีกมากๆ ซึ่งมีหลายวิธีในการจะทำให้ PPC ประสบความสำเร็จ



ซึ่งรูปภาพด้านล่างเราได้แสดงเป็นมุมมองที่เรียบง่ายของโครงสร้างและเนื้อหาของบัญชี PPC

แต่ละบัญชีจะมีแคมเปญหลายแคมเปญ ซึ่งมีแคมเปญโฆษณาแบบข้อความการค้นหา และแต่ละแคมเปญจะมีกลุ่มโฆษณาอยู่หลายกลุ่มซึ่งทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับ Keywords ของคุณ

ซึ่งเรามีวิธีแนวทางปฎิบัติที่ดีสำหรับผู้โฆษณาควรปฎิบัติตามเมื่อตั้งค่าโครงสร้างแคมเปญการค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย

1. สร้างแคมเปญการค้นหาแยกต่างหากสำหรับคำหลักแบรนด์ แบรนด์แคมเปญ แบรนด์ของคุณจะทำงานค่อนข้างแตกต่างจากแคมเปญที่ ไม่ใช่แบรนด์ของคุณ เนื่องจากผู้ใช้เหล่านี้จะคุ้นเคยกับบริษัท ผลิตภันฑ์หรือบริการของคุณในระดับหนึ่งแล้ว

คุณจะต้องสามารถกำหนดงบประมาณจัดการและรายงานเกี่ยวกับแบรนด์แยกจากที่ไม่ใช่แบรนด์

  • อย่าลืมเพิ่ม คำหลัก ในเชิงลบกับแคมเปญที่ไม่ใช่แบรนด์ของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าการเข้าชมแบรนด์ทั้งหมดได้ผ่านแคมเปญแบรนด์ของคุณแล้ว


2. อย่ากำหนดเป้าหมายมากกว่าหนึ่งเครือข่ายในหนึ่งแคมเปญ คำแนะนำนี้ใช้กับแคมเปญ ในเครือข่ายการค้นหามาตรฐาน ประเภทแคมเปญที่ใหม่กว่า เช่น Smart,Local, Discovery และอื่นๆ ที่จะแสดงโฆษณาในผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆโดยอัตโนมัติและไม่มีทางแยกออกจากกันได้ อย่างไรก็ตามในแคมเปญการค้นหามาตรฐานหากคุณต้องการยกเลิกให้ไปกดที่ตัวเลือกเพื่อให้โฆษณาแสดงบนเครือข่ายดิสเพย์

3. สร้างโครงสร้างแคมเปญที่จะสนับสนุนเป้าหมายของคุณ แคมเปญที่ไม่ใช่แบรนด์ของคุณอาจได้รับการจัดตามขั้นตอนของช่องทางการขาย ประเภทการกระทำที่ถือเป็น Conversion เช่น ประเภทผลิตภัณฑ์หรือบริการเป้าหมายทางภูมิศาสตร์เป็นต้น กุญแจสำคัญคือการกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ทางธุรกิจของคุณให้ชัดเจนและเป็นขั้นตอน

4. กำหนดรูปแบบการตั้งชื่อที่ชัดเจนสำหรับทุกๆคนที่จะจัดการแคมเปญทั้งในปัจจุบันและอนาคต ให้ Mapping นี้ใช้ได้กับทุกคนในทีม

5. มีงบประมาณเพียงพอที่จะสนับสนุนแคมเปญของคุณตลอดทั้งวัน

PPC budget estimating การประมาณค่างบประมาณ

งบประมาณจะกำหนดไว้ที่ระดับแคมเปญ ถึงแม้ว่าจะมีตัวเลือกงบประมาณที่ใช้ร่วมกันซึ่งจะกระจายงบประมาณรายวันไปยังชุดแคมเปญต่างๆ ซึ่งคุณต้องดูงบประมาณให้เพียงพอเพื่อให้แน่ใจว่าโฆษณาของคุณมีสิทธิ์ทำงานตลอดทั้งวัน หรือ ช่วงเวลาที่คุณได้กำหนดเอาไว้



เครื่องมือวางแผนคำหลักใน Microsoft Advertising และ Google Ads จะให้ราคาต่อหนึ่งคลิกโดยประมาณสำหรับ คำหลักของคุณ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เครื่องมือนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและกำหนดทิศทางได้ว่าจะต้องใช้งบประมาณเท่าใดเพื่อให้เป็นไปตามที่คุณต้องการ

เครื่องมือวางแผนคำหลักใน Google Ads ให้ดูจากที่ ไอคอนเครื่องมือทางด้านขวาบน



และไปที่เครื่องมือ Keyword Planner จากไอคอนเครื่องมือในบัญชีของคุณ

หลังจากที่คุณเพิ่มคำหลักลงในแผนส่วนของแนวคิดคำหลักของเครื่องมือ จากนั้นหน้าภาพรวมของแผนจะให้ค่าประมาณสำหรับการคลิกตามงบประมาณที่ประมาณเอาไว้ และ CPC สูงสุด และนี้เป็นเพียงการประมาณและคำแนะนำคร่าวๆเท่านั้น

เพื่อให้ช่วยประมาณงบประมาณสำหรับผู้วางแผนคำหลัก ทำให้คุณได้ทราบถึงปริมาณการคลิกและ CPC ที่คุณคาดหวังจากชุดคำหลัก


Ad groups

แคมเปญจะต้องประกอบด้วยกลุ่มโฆษณาอย่างน้อยหนึ่งกลุ่ม ซึ่งก็คือกลุ่มโฆษณาที่แบ่งประเภทของกลุ่มเป้าหมาย หรือ แบ่งประเภทของ Keyword ตามที่เราต้องการ

ซึ่งจะช่วยให้คุณจัด Keyword ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโฆษณาแต่ละรายการจะมีหน้า Landing Page ที่คุณต้องการผู้ใช้ไปหลังจากเกิดการคลิกอีกด้วย


เช่นเดียวกับที่คุณต้องการกำหนดโครงสร้างของแคมเปญ และ สิ่งที่สำคัญคือต้องทำแผนภูมิโครงสร้างกลุ่มโฆษณาของคุณด้วย Keyword ที่คุณต้องการจะกำหนดเป้าหมายและละเว้น Ad copy ในหลายๆเวอร์ชั่น ที่หน้า Landing Page ที่เกี่ยวข้องกับ Keyword มากที่สุด โดยโฆษณาแต่ละกลุ่มควรเชื่อมต่อเข้ากับเป้าหมายของแต่ละแคมเปญด้วย


ในการเพิ่ม Keyword ควรมีเนื้อหาที่เหมือนกัน และ Ad copy ควรมีความใกล้เคียงกับ Keyword ในกลุ่มโฆษณาและต้องแสดงถึงเจตนาของข้อความค้นหาเหล่านั้นอย่างเหมาะสม และนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราได้รับ Quality Score ที่สูงอีกด้วย


ยกตัวอย่างร้านค้าที่มีสินค้าคือ รองเท้าขายอยู่หลายประเภท ไม่ต้องการให้ รองเท้าส้นสูง และ รองเท้าวิ่ง อยู่ในกลุ่มเดียวกัน จึงต้องเขียนข้อความโฆษณาที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ และผลลัพธ์ก็คือ ผู้ใช้ที่ค้นหารองเท้าส้นสูง และผู้ใช้ที่ค้นหารองเท้าวิ่ง จะเข้ามาในหน้าที่เราต้องการนำเสนอ

Search term reports รายงานข้อความโฆษณา

เมื่อแคมเปญของคุณทำงานมาได้สักระยะแล้ว คุณจะสามารถดูได้ว่าข้อความค้นหาใดเรียกให้โฆษณาของคุณแสดง

ในรายงานการค้นหานี้จะช่วยให้คุณเห็นว่า Keyword ของคุณถูกจัดกลุ่มอย่างถูกต้องหรือไม่


หากมี Keyword ที่คุณสามารถเพิ่มลงในกลุ่มหรือเพิ่มเป็น Keyword ในเชิงลบ คุณควรจะแบ่ง Keyword ออกเป็นกลุ่มโฆษณาหลายกลุ่ม และเขียนข้อความโฆษณา ที่เหมาะกับกลุ่มเหล่านั้นมากขึ้น

กำหนดตารางเวลาอย่างสม่ำเสมอเพื่อทำการตรวจสอบรายงายและเพิ่มเป้าหมายและ Keyword เชิงลบที่กลุ่มโฆษณาหรือแคมเปญ

Text ad copy

โฆษณาแบบข้อความจะประกอบด้วย บรรทัดแรกสองบรรทัดจะอธิบาย URL ที่แสดงส่วนขยายโฆษณาส่วนด้านล่างจะเป็นเทมเพลตโฆษณาข้อความใหม่ใน Google Ads



Headlines

ในบรรทัดแรกแต่ละหัวข้อจะมีอักขระได้สูงสุด 30 ตัว (รวมช่องว่าง) โดยจะปรากฎเป็นบรรทัดเดียวที่ด้านบนของโฆษณาคั่นด้วยเส้นประ และนี้คือส่วนที่เด่นที่สุดของโฆษณาและเป็นโอกาสที่สำคัญมากสำหรับการดึงดูดความสนใจของผู้ค้นหา เพื่อให้แสดงถึงสิ่งที่คุณต้องการว่าอยากให้จุดประสงค์ในการค้นหาเป็นอย่างไรและเพื่อสร้างความแตกต่างจากโฆษณาอื่นๆ เช่น การใช้ข้อเสนอสิทธิประโยชน์หรือสิ่งที่คุณต้องการนำเสนอ




Description

ในส่วนนี้จะเป็นคำบรรยายถึงสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับหลังจากกดโฆษณาไปแล้ว ซึ่งจะมีตัวอักษรได้สูงสุด 80 อักขระ ซึ่งคุณสามารถทำการทดลองกับความยาวและเนื้อหา แต่ต้องแน่ใจว่า คำอธิบายสอดคล้องกับจุดประสงค์ในการค้นหาหรือไม่

Display path

URL ที่แสดงจะถูกตั้งค่าเป็น โดเมนโดยอัตโนมัติจาก URL สุดท้ายไปถึงปลายทาง จากนั้นคุณจะสามารถตั้งค่าได้สูงสุด สองแบบ ซึ่งแต่ละตัวที่แสดงหลัง URL ได้ 15 อักขระ

ยกตัวอย่าง โฆษณาที่แสดงในข้อความค้นหา “Women's jeans” อาจจะใช้เป็น /jeans หรือจะเป็น /womens/jeans

Final URL

คือหน้า Landing Page ที่ผู้ใช้จะมาถึงหลังจากคลิกโฆษณาของคุณ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงให้มากก็คือคำที่ใช้ค้นหาได้เกี่ยวข้องกับหน้า Landing Page  หรือไม่  และหน้า Landing Page  ของคุณได้มอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้หรือไม่




Ad copy testing & best practices

โฆษณาของคุณที่มีอัตราการคลิกสูงสุด ค่า Conversion อาจไม่ได้ดีที่สุด แต่คุณจะจ่ายต่อคลิกน้อยลงและมีอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหา ด้วยโฆษณาที่มีอัตราการคลิกที่ดีกว่าค่าเฉลี่ย

การทดสอบโฆษณาถือเป็นส่วนสำคัญของการตลาด แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเครื่องมือค้นหาต้องใช้เครื่องมือเรียนรู้เป็นอย่างมากเพื่อพิจรณาว่าจะแสดงโฆษณาใด


Google แนะนำให้เพิ่มโฆษณาอย่างน้อย 3 รายการในทุกกลุ่มโฆษณาและอย่างน้อยที่สุดคุณจะต้องมีโฆษณาสองเวอร์ชันในแต่ละกลุ่มโฆษณา แม้ว่า Google จะแนะนำมาแบบนี้ แต่การทดสอบโฆษณายังคงเป็นส่วนสำคัญและยังต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง




Ad extensions การเขียนส่วนขยายโฆษณา

การเขียนส่วนขยายโฆษณาเพิ่มเติมข้อมูลลงในโฆษณาของคุณ ซึ่งจะมีส่วนขยายโฆษณาอยู่หลายประเภทและส่วนมากเครื่องมือค้นหาจะแนะนำประเภทใหม่ๆให้ ส่วนขยายโฆษณาจะมีส่วนประกอบดังตัวอย่างด้านล่าง การค้นหา “mother’s day flowers”



ในตำแหน่งที่หนึ่ง ในส่วนของโฆษณาด้านบนสุดจะมีสิทธิ์แสดงส่วนขยายของโฆษณาพร้อมกับได้โฆษณามากขึ้น


ในปี 2013 Google ได้เพิ่มส่วนขยายโฆษณาลงใน การคำนวนลำดับโฆษณา ซึ่งหมายความว่า ส่วนขยายที่คุณใช้จะรวมอยู่ในราคาที่คุณต้องจ่ายต่อคลิกและตำแหน่งที่โฆษณาของคุณแสดงในผลการค้นหา และลำดับของโฆษณาจะกำหนดว่าส่วนขยายโฆษณาจะแสดงพร้อมกับโฆษณาของคุณหรือไม่ ส่วนขยายที่มีความเกี่ยวข้องสูงจะทำให้ CPC ต่ำลงและตำแหน่งที่สูงขึ้นในหน้านั้น ด้วยเหตุผลนี้ผู้โฆษณาจึงควรใช้ส่วนขยายโฆษณาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในแคมเปญของตัวเอง


ส่วนขยายโฆษณามีประโยชน์เป็นอย่างมากเพราะช่วยให้คุณได้เพิ่มข้อมูลเพื่อโปรโมทสิ่งต่างๆ เช่น กิจกรรม และ ข้อเสนอพิเศษอื่นๆ โดยไม่ต้องสร้างโฆษณาตัวใหม่

Types of ad extensions: ประเภท

Sitelink extensions

คือส่วนขยายที่สามารถคลิกได้ซึ่งจะเชื่อมโยงไปยังหน้าอื่นๆในไซต์ของคุณ จำนวนไซต์ลิงก์อาจจะแสดงแตกต่างกันออกไปเช่นอาจจะแสดงพร้อมโฆษณาของคุณ เป็น 2-6 ไซต์บนหน้าคอมพิวเตอร์ และสูงสุด 8 ไซต์ บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในรูปแบบ carousel สำหรับโฆษณาในตำแหน่งบนสุดไซต์ลิงค์อาจจะปรากฎในรูปแบบรายการ ไซต์ลิงค์ได้มีการเพิ่มลงไปในระดับแคมเปญ หรือกลุ่มโฆษณาตัวเลือกคำอธิบาย สิ่งเหล่านี้ใช้เพื่อแสดงในการค้นหาแบรนด์เป็นหลักเท่านั้น แต่จะแสดงในการค้นหาที่ไม่ใช่แบรนด์ในตำแหน่งด้านบนสุดมาก ดังนั้นจะควรจะเพิ่มสิ่งเหล่านี้ลงไป Google เองนั้นก็ได้เพิ่มคำอธิบายแบบไดนามิกตามเนื้อหาของหน้า Landing Page

ที่เชื่อมโยงกับไซต์ลิงก์ ว่าคุณสามารถสร้างไซต์ลิงก์สำหรับมือถือโดยเฉพาะและสามารถกำหนดได้ว่าให้แสดงในช่วงเวลาไหน




Callout extensions

เป็นการเขียนคำเน้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของเรา มีจุดมุ่งหมายเพื่อเน้นข้อเสนอ และ ประโยชน์ต่อผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น จัดส่งฟรี,คืนสินค้าฟรี,เลือกซื้อสินค้ามาใหม่ของเรา,ราคาไม่แพง,ปรึกษาฟรี,รับประกันคืนเงิน อย่างไรก็ตามส่วนขยายไฮไลท์ จาก สองถึงหก รายการสามารถแสดงพร้อมกับโฆษณาของคุณบนมือถือ หรือบนคอมพิวเตอร์ จะสามารถตั้งค่าได้ที่ระดับบัญชีแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณา สามารถที่จะกำหนดเวลาได้




Structured snippet extension

มีขึ้นเพื่อเน้นในด้านต่างๆของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณนำเสนอ ส่วนขยายนี้จัดรูปแบบเป็นหมวดหมู่อยู่ด้านบนโดยเลือกจากรายการเช่น(Hotels, Apartments, Villas, Hostels, Resorts, B&Bs)  และรายการที่สอดคล้องกับส่วนหัวที่คุณเลือก ในส่วนของหัวแรกจะแสดงบนมือถือ แต่ส่วนหัวที่สองจะแสดงบนเดสก์ทอป ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ที่ระดับบัญชี แคมเปญ หรือ กลุ่มโฆษณาและสามารถกำหนดเวลาได้ Google แนะนำให้เพิ่มประมาณ 4 ค่า ในส่วนหัวและตั้งค่าเพิ่มเติมอย่างน้อยสองชุด


ตัวอย่างของส่วนขยายข้อมูลเพิ่มเติมมีดังนี้

  • จากโฆษณาไซต์ซอฟต์แวร์ภาษี ประเภท:ไฟล์ E ของรัฐบาลกลาง,ไฟล์ E ของรัฐ, ไฟล์ E ของธุรกิจ, ผลตอบแทนของปีก่อนหน้า
  • จากโฆษณาของผู้ค้าปลีกเสื้อผ้าในการค้นหา”กางเกงยีนส์ผู้หญิง” สไตล์ : Skinny , Straight , Flare , Jeggings

Call extension

ส่วนขยายการโทรต่อท้ายหมายเลขโทรศัพท์ในโฆษณาของคุณ บนมือถือผู้ใช้สามารถแตะเพื่อทำการโทรออกได้เลย หรือ หากคุณไม่ได้ตั้งค่าส่วนขยายการโทร Google อาจแสดงส่วนขยายการโทรอัตโนมัติโดยใช้หมายเลขบนเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งส่วนขยายการโทรสามารถกำหนดให้แสดงเฉพาะเมื่อโทรศัพท์ของคุณมีพนักงานเท่านั้น การโทรจากส่วนขยายการโทรสามารถนับเป็น Conversion ได้เมื่อคุณเปิดการรายงานจำนวนการโทรเข้าในบัญชีของคุณ สามารถตั้งค่าส่วนขยายโทรได้ที่ระดับแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณา



Message extension

Message extension สิ่งเหล่านี้แสดงเฉพาะบนอุปกรณ์มือถือที่สามารถส่งและรับข้อความได้ และหมายเลขธุรกิจต้องสามารถรับส่งข้อความได้ คุณต้องสร้างข้อความอัตโนมัติเพื่อตอบกลับผู้คนที่คลิกเข้ามาทันที เช่น “โปรดส่งข้อความถึงฉันพร้อมข้อมูลเพิ่มเติม” คุณจะได้รับการแจ้งเตือนเก็บเงินเมื่อมีผู้คลิกไอคอนข้อความในโฆษณาของคุณไม่ใช่จากการส่ง Message ซึ่งสามารถตั้งค่าส่วนขยายข้อความนี้ได้ที่ระดับแคมเปญและกลุ่มโฆษณา




Location extension

หากคุณมีสถาณที่ตั้งจริงคุณจะต้อง ใช้ส่วนขยายสถาณที่ตั้งนี้เพิ่มลงไป ขั้นตอนแรกคือการเชื่อมโยงบัญชี Google My Business กับบัญชี Google Ads ส่วนขยายสถาณที่ตั้งสามารถแสดงในการค้นหาและ Google map ทั้งในโฆษณาแบบ Display และ วิดิโอ ในการค้นหาสถาณที่ตั้งสามารถแสดงได้ทั้งสถาณที่ตั้งและหมายเลขโทรศัพท์หรือไอคอน “call” ที่คลิกได้บนมือถือ

ซึ่งในบนมือถือผู้ใช้จะเห็นระยะทางไปยังสถาณที่นั้นด้วย และผู้ใช้ยังสามารถคลิกไปที่หน้ารายละเอียดซึ่งแสดงเวลาทำการ การให้คะแนน รูปภาพ และเส้นทาง




Affiliate location extension

แบรนด์และผู้ผลิตที่ขายผลิตภัณฑ์ในเครือข่ายร้านค้าปลีกสามารถเปิดใช้งานส่วนขยายสถาณที่ตั้งนี้ได้เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาผลิตภัณฑ์ของตนในสถาณที่ใกล้เคียง ในสหรัฐอเมริกาปัจจุบันมีเครือข่ายมากกว่า 80 กลุ่ม และ Affiliate location มีให้บริการสำหรับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อีกด้วย




Price extension

ส่วนขยายนี้เป็นส่วนขยายที่สามารถคลิกได้ ซึ่งเน้นที่ราคาสำหรับบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่คุณนำเสนอ ซึ่งสามารถแสดงราคาบนมือถือได้มากถึง 8 ราคาด้วยกัน

ตัวอย่างลักษณะที่อาจปรากฎบนเดสก์ท็อปโดยมีเมนูแบบเลื่อนลงเพื่อดูเพิ่มเติม

เราสามารถใช้ส่วนขยายราคาเพื่อเน้นข้อเสนอบริการและหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์


ส่วนขยายราคาแต่ละรายการมีส่วนหัวและคำอธิบายที่ปรับแต่งได้ซึ่งมีอักขระไม่เกิน 25 ตัว Google ขอแนะนำให้ตั้งค่าส่วนขยายราคาอย่างน้อย 5 รายการ และสามารถตั้งค่าเป็นจำนวนมากได้ด้วยการใช้ Spreadsheet Template

App extension

ลิงก์เหล่านี้เป็นลิงก์ที่สามารถคลิกได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงรายชื่อแอปบนอุปกรณ์มือถือของคุณใน Google pay หรือ Apple store ได้จากโฆษณาแบบข้อความ ส่วนขยายนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อแทนที่โฆษณาโปรโมทแอปแต่เพื่อกระตุ้นการดาวน์โหลดแอป  Google สามารถตรวจจับประเภทอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยอัตโนมัติและจะแสดงเฉพาะส่วนขยายแอปบนอุปกรณ์ที่เหมาะสมเท่านั้น ส่วนขยายแอปเดียวเท่านั้นที่จะแสดงพร้อมโฆษณาสามารถตั้งค่าส่วนขยายแอปนี้ได้ที่ ระดับแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณา




Promotion extension

หากคุณมีเรื่องของการขายหรือข้อเสนอต่างๆ ส่วนขยายโปรโมชั่นนี้อาจเป็นวิธีทีห้ามลืมโดยเด็ดขาด ส่วนขยายโปรโมชั่นสามารถคลิกได้และจะปรากฎพร้อมกับไอคอนป้ายราคาและสามารถรวมข้อความเกี่ยวกับโปรโมชั่นได้ไม่เกินสองบรรทัด

โฆษณาด้านล่างคือส่วนขยายโปรโมชั่นสำหรับส่วนลด 20% ของ Outdoor Furniture



คุณสามารถเลือกวันพิเศษได้อย่างเช่น วันแม่ หรือ Black friday ด้วยตัวเลือกนี้วันที่ของโปรโมชั่นจะถูกกำหนดโดยอัตโนมัติ เช่น ตั้งให้โปรโมชั่น Black friday แสดงตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมถึง 15 ธันวาคม เท่านั้น หากคุณไม่ได้เลือกเอาไว้ จะสามารถกำหนดเองโดยให้วันที่เริ่มต้นและวันที่สิ้นสุดเป็นวันที่เท่าไหร่ หรือ ปล่อยให้ส่วนขยายโปรโมชั่นนี้ทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยไปตั้งค่าที่ระดับบัญชีแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณา

Image extensions

ผู้ลงโฆษณาสามารถอัปโหลดรูปภาพได้สูงสุด 6 รูปภาพ ในระดับบัญชีแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณา เพื่อแสดงร่วมกับโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหาของตัวเอง แต่ละภาพสามารถเชื่อมโยงไปยังหน้า Landing page ได้



และในบทถัดไปนี้เราจะมาเรียนรู้กันเรื่อง keyword research และประเภทการทำงานของ keyword



cr: searchengineland.com

{{CTA="/blog"}}

Blogs Recommended

Back to top