หากคุณกำลังอยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง หรือจำเป็นต้องรับผิดชอบโปรเจคในการทำเว็บไซต์ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี เพราะในแต่ละขั้นตอนค่อนข้างมีความซับซ้อน จึงเกิดความคิดที่ว่า ควรทำเว็บไซต์ด้วยตัวเอง หรือ จ้างทำเว็บไซต์ แบบไหนจะตอบโจทย์กว่า ?
แต่ก่อนจะตัดสินใจเลือกว่าจะทำเว็บไซต์ด้วยตัวเอง หรือจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์ วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกกันว่าราคาทำเว็บไซต์เริ่มต้นที่เท่าไหร่ ใช้เวลาทำนานแค่ไหน แล้วต้องทำเว็บกี่หน้า ต้องมีบทความหรือเปล่า ไปหาคำตอบในบทความนี้กัน!
ราคาทำเว็บไซต์แต่ละเว็บ เริ่มต้นตั้งแต่ 0 บาทจนไปถึงหลักแสนหรือหลักล้านบาท
ต้นทุนในการทำเหล่านี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการอะไรจากเว็บไซต์ เช่น ระบบตะกร้าสินค้า ระบบบทความ ระบบสมาชิกเก็บแต้มเก็บคะแนน กราฟิกหรือภาพประกอบ โมชั่นกราฟิก และอีกมากมาย ที่สามารถใส่เข้าไปในเว็บไซต์ได้ โดยทั้งหมดนี้ล้วนมีราคาแตกต่างกันออกไป
โดยค่าใช้จ่ายในการสร้างเว็บไซต์สามารถแตกออกมาได้สามส่วนหลัก คือ ค่าใช้จ่ายในการสร้าง,ค่า hosting, และ ค่า maintenance (ทั้งแบบรายปี และการดูแลเว็บรายเดือนเช่นปรับ อัพเดท ข้อมูล)
เว็บไซต์ส่วนใหญ่สำหรับเว็บบริษัท หรือเว็บขนาดเล็กที่ไม่มีระบบ e-commerce ราคาการทำเว็บไซต์เหล่านี้โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่
- สร้างเว็บไซต์และดูแลด้วยตัวเอง 0 บาท
- จ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์ 60,000 บาทขึ้นไป
- ค่า โฮสติ้ง และแอปอื่น ๆ ถ้ามี ประมาณ 700-5,000 บาท ต่อเดือน
- ค่า maintenance ต่าง ๆ ทั่วไป 1,000-5,000 บาทต่อปี
ซึ่งทุกธุรกิจมีระบบการทำงานที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการสร้างเว็บไซต์ให้เข้ากับโจทย์ของธุรกิจแต่ละประเภทก็จะมีราคาไม่เท่ากัน
นี่คือโปรแกรมเช็กราคาทำเว็บไซต์เบื้องต้น เพื่อประเมินค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ คลิกเลย
เพื่อให้คุณสามารถตั้งงบประมาณสำหรับการทำเว็บไซต์ได้ถูก เราจะพาไปอธิบายค่าใช้จ่ายแต่ละส่วนให้ดูครับ
ค่าใช้จ่ายในการสร้างเว็บไซต์
การออกแบบเว็บไซต์ คือค่าใช้จ่ายหลักของการสร้างเว็บไซต์ ซึ่งจะประกอบไปด้วย หน้าตาของเว็บไซต์ และฟังก์ชันที่เว็บไซต์จะมี ไม่ว่าจะเป็นระบบตะกร้า หรือ แบบฟอร์มสำหรับเก็บข้อมูล

ลงมือทำเองหรือจ้างทำดีกว่ากัน
หากคุณทำเว็บไซต์เอง คุณอาจจะไม่ต้องเสียเงิน แต่คุณต้องใช้เวลากับมัน ระบบสร้างเว็บไซต์ในตลาดและใช้งานง่ายผ่าน CMS เช่น Wordpress นั้น ช่วยให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ได้เองแม้ว่าคุณจะไม่มีความรู้เรื่อง coding เลย
แต่คนที่ทำเองส่วนใหญ่ มักจะเจอปัญหาบางจุด และต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยทำเพิ่ม หรือต้องใช้ทักษะ Coding บางส่วน เพื่อเข้ามาช่วยทำฟังก์ชัน ที่ซับซ้อน
เว็บไซต์ที่เบสิกที่สุด คือเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลอย่างเดียว คล้าย ๆ กับพอร์ตโฟลิโอ หรือ นามบัตรออนไลน์ ที่จะไม่ได้เปลี่ยนข้อมูลบ่อยเราแค่ต้องการบอกลูกค้าเกี่ยวกับบริษัทของเราและให้ช่องทางการติดต่อ

เว็บไซต์แบบนี้ทำง่ายที่สุดสำหรับการทำเอง เพราะเราทำผ่านระบบการสร้างเว็บไซต์ที่มีในตลาดได้เลย
ส่วนใหญ่จะมีเท็มเพลตให้เลือก เราแค่ลากวางข้อมูลและรูปภาพที่เราต้องการ
แต่ถ้าหากคุณมีประสบการณ์การใช้งาน Wordpress อยู่แล้ว คุณอาจจะใช้ปลั๊กอินยอดนิยมอย่าง Elementor ในการสร้างเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย

Visit : https://elementor.com/library/personal-professional/
แต่ถ้าคุณเลือกที่จะจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์ บริษัทเหล่านี้อาจก้าวข้ามการใช้เท็มเพลตออกไป และออกแบบเองตามโจทย์ที่คุณต้องการ เพื่อให้ผลงานที่ออกมาโดดเด่นและแตกต่างจาก Template ปกติ
บางบริษัทอาจเลือกใช้ระบบการสร้างเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ Wordpress ซึ่งอาจเป็น Wix, Webflow, Selldone, Squarespace หรืออื่นๆ
ดังนั้น ตอนที่คุณกำลังจะจ้างบริษัทเหล่านี้ อย่าลืมถามว่าเขาใช้ระบบการสร้างเว็บแบบไหน เค้ามีกราฟิกภาพตกแต่งให้คุณหรือไม่ และถ้ามีราคา hosting รวมอยู่ในการทำ การอัพเดทอื่น ๆ ในอนาคตมีค่าใช้จ่ายหรือไม่
คำแนะนำ
ลองเปรียบเทียบกับหลายเจ้า ลองดูรูปแบบในการทำงาน ความเข้าใจในการสื่อสาร และการดูแลของทีมงาน เพื่อประกอบการตัดสินใจ เพราะเว็บไซต์ทำทั้งที ควรทำให้ดี และสามารถใช้งานต่อได้ การปรับเปลี่ยนหลังจากที่ทำไปแล้วควรมีความสมเหตุสมผล
Template เว็บไซต์
เท็มเพลต คือแบบของเว็บไซต์ที่ถูกสร้างไว้แล้ว เราสามารถเอาแบบเหล่านี้มาแก้ไขข้อมูลได้เลยโดยที่เราไม่ต้องทำใหม่ตั้งแต่ต้น
เท็มเพลตมีราคาตั้งแต่ใช้งานได้ฟรี จนถึงหลักพัน ระบบสร้างเว็บส่วนใหญ่จะมีเท็มเพลตทั้งสองแบบให้เลือก หรือเราจะซื้อเท็มเพลตจากข้างนอกก็ได้
คำแนะนำ
พยายามเลือกเท็มเพลตที่เน้น mobile responsive เป็นหลัก เพราะประสบการณ์การใช้งานผ่านมือถือสำคัญมากในยุคปัจจุบัน
ระบบ e-commerce
ระบบอีคอมเมิร์ซทั่วไปจะมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ แล้วแต่ระบบที่เลือกใช้ มีแต่คิดจากค่าทำเนียมต่อการ รวมไปถึงค่าใช้งานระบบเอง

เว็บอีคอมเมิร์ซที่ดีควรมีการเชื่อมกับระบบขนส่งและระบบชำระเงิน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและค่าทำเนียมในการใช้งาน
เว็บสำเร็จรูป ที่รองรับระบบอีคอมเมิร์ซ จะมาพร้อมกับ hosting และพื้นที่การเก็บข้อมูล แต่ website builder และ CMS จะมี option เสริมสำหรับ eCommerce เพิ่มเติม เช่น woocommerce
นอกจากนี้ ยังมีระบบ eCommerce อื่น ๆ ที่อนุญาตให้เว็บไซต์อื่นเอาชุดโค้ด ไปวางในเว็บของตัวเอง เพื่อให้เว็บปลายทางมีระบบเช็กเอาท์ที่ใช้งานได้เลย เช่น Shopify add to cart button

Apps และ plugin
หากคุณสร้างเว็บด้วย Wordpress คุณมักจะได้ยินคำว่า Plugin อยู่บ้าง
Plug in หรือแอปเหล่านี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อมาเสริมฟังก์ชันบางอย่างจากรูปแบบเว็บไซต์ที่คุณออกแบบมา
สามารถติดตั้งได้ง่ายเพียงแค่ไม่กี่คลิก โดยที่คุณไม่ต้องเขียนโค้ดเพื่อส่วนนี้ตั้งแต่ 0

บางตัวใช้ได้ฟรี บางตัวใช้บางส่วนได้ฟรีหรือพรีเมี่ยม และบางตัวต้องเสียเงินเลยเพื่อใช้งาน ค่าใช้จ่ายก็มีทั้งแบบจ่ายครั้งเดียวหรือเป็นแบบ subscription ที่จ่ายรายปี
Plugin ที่ควรมี
Plugin แต่ละตัวมีหน้าที่ไม่เหมือนกัน แต่ที่ควรมีติดเว็บไซต์คือ อันที่ช่วยเรื่อง seo เช่น yoast หรือ rank math
ข้อแตกต่างระหว่าง yoast และ rankmath
ภาพประกอบเว็บ Graphic and Artwork
ภาพประกอบบนเว็บไซต์ สามารถหาภาพได้ฟรีจาก pixabay หรือที่ต้องเสียเงินเพิ่มอย่าง istockphoto รวมถึงการหาจาก Canva แพลตฟอร์มที่มีคลังภาพจำนวนมากและทำได้หลายอย่าง ซึ่งเลือกใช้งานได้ทั้งแบบฟรีหรือเสียเงินก็ได้
คำแนะนำ
ถ้าเป็นเรื่องของรูปภาพที่ใช้ในเว็บไซต์แล้ว ทางเราแนะนำว่าควรใช้รูปจริง ไม่ว่าจะเป็นรูปพนักงาน รูปบริษัท หรือจ้างช่างถ่ายภาพมาถ่ายสินค้า เพื่อให้ได้รูปภาพคุณภาพสูง
รูปภาพเหล่านี้จะไปบนเว็บไซต์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้คนเข้ามาดูสินค้าและบริษัทของเรา รูปสวยคุณภาพสูง ภาพชัด จะชนะใจลูกค้าได้ง่ายกว่าครับ
สรุปค่าใช้จ่ายของการสร้างเว็บ
- ค่าจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์
- ค่าระบบพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้
- ค่า template
- ค่ารูปภาพ
อาจอยู่ระหว่าง 70,000-150,000 บาท
ค่า Hosting
ค่าทำเว็บไซต์เบื้องต้นอาจเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียว แต่ค่า hosting จะเป็นค่าใช้จ่ายระยะยาว ซึ่งมีทั้งรายเดือนหรือรายปี
หากคุณเลือกที่จะทำเองผ่าน Wordpress คุณจะมี option ให้คุณเลือก Hosting ที่คุณต้องการได้ เพราะมีหลายราคาให้เลือก
.png)
References ของแต่ละที่
https://www.siteground.com/web-hosting.htm
https://wordpress.com/pricing/
https://www.godaddy.com/en/hosting/web-hosting
เพราะค่า hosting เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระเพื่อให้เว็บไซต์อยู่บนออนไลน์ได้ มีคนเข้าถึงได้ และถึงแม้ว่า google site จะไม่มีค่าโฮสติ้ง แต่เราก็ต้องมีค่าโดเมนหรือชื่อเว็บ ที่ต้องซื้อไว้อยู่ดีครับ
โดยรวมแล้ว ถ้าเราใช้ระบบสร้างเว็บที่มีโฮสติ้งในตัว ค่าโฮสติ้งมักจะมีราคาที่สูงกว่า ถ้าเทียบกับการใช้โฮสติ้งอื่น

อ้างอิงจากค่าใช้จ่ายเดิมของบทความ : https://www.bepgroup.space/blog/how-much-does-a-website-cost
คำแนะนำ
Hosting ในตลาดมีหลายราคา จากที่ได้ลองใช้งานมา เราพบว่า การลงทุนกับ Hosting ที่ดีมักจะมี performance ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนครับ ทั้งเรื่องพื้นที่การเก็บข้อมูล ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ ความเสถียร และระบบ security
ลองดู sitegound, digitalocean, และ aws webhosting ดูครับ
การจดโดเมน (Domain)
เช่นกันจากบทความ เรื่องค่าใช้จ่ายในการทำเว็บไซต์ ชื่อโดเมนของคุณเหมือนที่อยู่บนอินเตอร์เน็ตของบริษัท มันจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากค่าใช้จ่ายด้านบนทั้งหมด ซึ่งราคาจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับชื่อโดเมน

บางเว็บโฮสติ้งมีแพ็คเกจจดโดเมนให้ฟรี 1 ปีแรก หากซื้อโฮสติ้งกับเขา แต่ในปีถัดไปเราก็ต้องจ่ายค่าต่อโดเมนอยู่ดี เพื่อให้ชื่อนี้ยังใช้งานอยู่ได้
เว็บหาโดเมนที่แนะนำ : Namecheap
เว็บต้องมี SSL เพื่อความปลอดภัย
หลายคนอาจสงสัยว่า ssl คืออะไร ชื่อเต็มคือ secure socket layer เป้าหมายของ ssl คือด้านความปลอดภัยในการแลกเปลี่ยนข้อมูลตอนใช้งานเว็บไซต์ครับ
เว็บที่มี ssl จะมี “https” อยู่ข้างหน้า เช่น https://bepgroup.space
คำแนะนำ หากเว็บไหนไม่มี ssl ไม่ควรใช้งานต่อครับ
ราคา ssl มีหลากหลาย ตั้งแต่ซื้อแยก กับที่มาพร้อม hosting เลย
แนะนำ ใช้ที่โฮสติ้งแถมจะดีกว่าครับ เพื่อให้เราไม่ต้องจ่ายหลายแพลตฟอร์ม
อีเมลบริษัทมาคู่กับโฮสติ้ง
อีเมลบริษัทอาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่ต้องมี แต่อีเมลบริษัทจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับตัวคุณและบริษัทของคุณครับ
ส่วนใหญ่โฮสติ้งจะแถมอีเมลบริษัทมาด้วย แต่ต้องลองเช็กเรื่องค่าใช้จ่ายว่าซื้อแยกกับซื้อแบบรวมอันไหนจะดีกว่ากัน
หากต้องการใช้เมลบริษัทจริง ๆ ลองดูว่ามีแถมพื้นที่เก็บข้อมูลมาด้วยหรือไม่
Google workspace จะมาพร้อมพื้นที่ Google drive และสามารถใช้ร่วมร่วมกับ Gemini ของ Google ได้เลย

ค่าดูแลเว็บไซต์
ค่าดูแลและบริหารเว็บไซต์จะขึ้นอยู่กับปริมาณเนื้องานที่จะต้องทำในหลังบ้านครับ ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดทข้อมูลให้ทันสมัย หรือมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์บ้าง เพื่อให้น่าสนใจขึ้น
หากคุณทำเว็บเองคุณอาจต้องเปลี่ยนเองทั้งหมด หรือจะเป็นแบบทำเว็บเองแล้วจ้างคนมาบริหารเว็บต่อก็ได้
แต่ถ้าคุณจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์ตั้งแต่แรก ส่วนใหญ่จะสามารถคุยเพื่อต่อรองราคาการดูแลเว็บไซต์ต่อได้ หรือบางครั้งอาจไม่มีค่าใช้จ่ายเลยก็ได้นะครับ
สรุปราคาทำเว็บไซต์
ราคาทำเว็บไซต์นั้นมีตั้งแต่หลักไม่กี่บาทจนถึงหลักแสนหรือหลักล้านก็ได้ โดยที่ค่าใช้จ่ายระยะยาวส่วนใหญ่จะมาจากค่า Hosting และค่าดูแลเว็บไซต์
เว็บไซต์บริษัท ส่วนใหญ่จะมีค่าใช้จ่ายที่น้อยหากเทียบกับ เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ หรือเว็บที่มีแอนิเมชั่นเยอะ หรือมีการเชื่อมกับฐานข้อมูลอื่น ซึ่งราคาจะแปรผันกับฟังก์ชันที่ต้องมี
ในขณะเดียวกัน การสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูงในราคาย่อมเยาก็ยังสามารถทำได้ หากคุณมีความรู้พื้นฐานของเว็บไซต์อยู่บ้าง ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้เอง และอาจหาคนช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ที่คุณไม่ถนัด เช่น การเขียนคอนเทนต์ หรือออกแบบกราฟิก