เครื่องมือ Martech Tools ทุกตัวล้วนถูกสร้างมาเพื่อให้เราได้หมั่นปรับปรุงเว็บไซต์ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้พูดถึง Martech Tools จาก Google และ Ahrefs ไปแล้ว แต่วันนี้ยังมีอีกหนึ่งเครื่องมือที่สาย SEO ไม่ควรพลาดเช่นกัน บอกได้เลยว่าเป็นเครื่องมือที่นิยมไม่แพ้ Google และ Ahrefs โดยเครื่องมือนั้นมีชื่อว่า “Yoast” ปลั๊กอินที่ดีที่สุดสำหรับการทำ SEO บน WordPress!
ถ้าใครฝันอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ก็ห้ามพลาดกับเครื่องมือ Yoast ปลั๊กอินสุดเจ๋งที่จะช่วยให้คุณปรับปรุงเว็บไซต์ได้อย่างราบรื่น ว่าแต่เครื่องมือ Yoast คืออะไร มีขั้นตอนการใช้งานอย่างไร ไปดูกันเลย!
Yoast SEO คืออะไร
Yoast SEO คือ ปลั๊กอินบน WordPress ที่จะช่วยปรับแต่งองค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างเว็บไซต์ให้ถูกตามหลักของ SEO และเป็นมิตรกับการค้นหาคำของ Google โดยเมื่อเราสร้าง Page หรือเขียนบทความบน WordPress ที่ติดตั้งปลั๊กอิน Yoast เรียบร้อยแล้ว ระบบจะทำหน้าที่เช็คลิสต์โครงสร้างเนื้อหาของเว็บเพจด้วยการแสดงเป็นสัญญาณจุดไฟเขียว ส้ม และแดง พร้อมทั้งให้คำแนะนำว่ามีจุดไหนบ้างที่เรายังต้องแก้ไขและปรับปรุง เพื่อให้ถูกต้องตามหลักของ SEO On-Page
สัญญาณจุดไฟเขียว ส้ม แดง บนปลั๊กอิน Yoast SEO คืออะไร ?
อย่างที่บอกไปว่าปลั๊กอิน Yoast จะตรวจสอบและแสดงจุดไฟ 3 สี ได้แก่ เขียว ส้ม และแดง ซึ่งถ้าหากบทความของคุณมีไฟสีเขียวขึ้นแสดงว่ามีการใช้เทคนิคทำ SEO ดีเยี่ยม ถูกหลักการทำ SEO ตามแบบที่ Google ต้องการ ส่วนถ้าเป็นสีเหลืองแสดงว่าพอใช้ได้ ต้องปรับปรุงอีกหน่อย แต่ถ้าเป็นสีแดงล่ะก็แสดงว่าบทความนี้ต้องปรับปรุงอีกเยอะ เพราะอัลกอริทึ่มของ Google ยังไม่เข้าใจว่าเนื้อหาในบทความของคุณต้องการสื่อสารถึงอะไร หรือสร้างประโยชน์อะไรให้แก่ผู้อ่าน
วิธีติดตั้ง Yoast SEO
1. เข้าไปที่หน้าหลังบ้านของ WordPress > Plugins
2. ค้นหา “Yoast” ใน WordPress Plugin เพื่อ Install
3. เลือก Yoast SEO > Install > Activate
4. ปลั๊กอิน Yoast SEO บน WordPress พร้อมใช้งานแล้วครับ
วิธีใช้งาน Yoast SEO กับ 14 เช็คลิสต์
ปลั๊กอิน Yoast จะมีทั้งหมด 14 เช็คลิสต์ด้วยกัน ซึ่งจะมีอะไรบ้าง เราจะสรุปให้ฟัง!
- Outbound links หรือ External Link คือ การลิงก์ข้อความไปยังเว็บไซต์ภายนอก ซึ่งต้องเป็นเว็บไซต์ที่ Google เห็นว่าเป็นเว็บที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะจะช่วยให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของคุณก็น่าจะมีความน่าเชื่อถือเช่นเดียวกัน ดังนั้นถ้าหากคุณไม่ใส่ Outbound link สัญญาณไฟก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดงนั่นเอง
- Internal links คือ การแทรกลิงก์เข้าไปยังข้อความบนบทความของเรา เพื่อให้อัลกอริทั่มของ Google เข้าใจว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จริง ๆ อีกทั้งยังช่วยสร้าง Traffic ใหม่ได้อีกด้วย
- Keyphrase length คือ การใช้คีย์เวิร์ดในบทความที่มีความยาวพอดี โดยเราต้อง focus keyword ไปที่เรื่องเดียว อย่าพยายามยัดคีย์เวิร์ดทุกอย่างลงไป ไม่อย่างนั้นอัลกอริทึ่มของ Google จะไม่ทราบว่าคุณต้องการโฟกัสที่เรื่องอะไร ส่งผลให้ Google ไม่เข้าใจเนื้อหาของคุณ
- Keyphrases in the meta description คือ การใส่คีย์เวิร์ดในส่วนของ Meta description ซึ่งถ้าหากคุณใส่คีย์เวิร์ดอย่างถูกต้อง สัญญาณก็จะแสดงเป็นสีเขียว แต่ถ้าหากคุณลืมใส่คีย์เวิร์ดลงไปใน Meta description สัญญาณก็จะขึ้นเป็นไฟสีแดงนั่นเอง
- Meta description length คือ ความยาวข้อความบน Meta description ต้องมีความยาวพอดี โดยไม่น้อยกว่า 120 ตัวอักษร และไม่เกิน 170 ตัวอักษร
- Previously used key phrase คือ การใช้ focus keyword ที่แตกต่างไปจากเดิม ไม่เคยถูกใช้มาก่อนในบทความอื่น ๆ บทเว็บไซต์ของคุณ
- Text length คือ ความยาวบทความที่ดีควรมีอย่างน้อย 300 คำ แต่ปัญหาคือปลั๊กอิน Yoast ยังนับคำภาษาไทยได้ไม่แม่นยำ เราต้องเขียนคำไทยประมาณ 700 คำ ถึงจะเท่ากับ 300 คำภาษาอังกฤษ
- Keyphrase density คือ การใส่คีย์เวิร์ดในจำนวนที่พอดี ไม่ยัดเยียดคีย์เวิร์ดจนมากเกินไป
- Keyphrase in title คือ บทความนี้ต้องใส่คีย์เวิร์ดลงใน SEO Title ด้วย
- SEO title width คือ ความยาวของ SEO title ต้องมีความยาวที่พอดี ไม่เกิน 60 ตัวอักษร
- Keyphrase in slug คือ ความถูกต้องของคีย์เวิร์ดใน Slug ซึ่งต้องสอดคล้องกับ Keyword ที่คุณเลือกมาใช้
- Keyphrase in introduction คือ การใส่คีย์เวิร์ดในบทนำของย่อหน้าแรก ซึ่งเราควรใส่คีย์เวิร์ดในบทนำของย่อหน้าแรกเสมอ เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจในบทความของเราได้ง่ายที่สุด
- Keyphrase in subheading คือ การวางคีย์เวิร์ดในส่วนของหัวข้อย่อย (H2, H3,H4) ซึ่งถ้าหากคุณวางคีย์เวิร์ดลงในหัวข้อย่อยต่าง ๆ สัญญานไฟก็จะขึ้นเป็นสีเขียว
- Image alt attributes คือ การใส่ focus keyword ต่อท้ายรูปภาพหรือเรียกว่า Alt Text แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรใส่ focus keyword ที่ยัดเยียดจนเกินไป ให้กระจาย ๆ ใช้คำเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ เพื่อช่วยทำให้เว็บไซต์ดูน่าเชื่อถือมากที่สุด
ทั้งหมดนี่คือ 14 เช็คลิสต์จาก Yoast SEO ที่จะช่วยให้บทความของคุณนั้นสมบูรณ์และมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
แต่ก็มีหลายคนสงสัยว่าแล้วจำเป็นไหมที่ต้องโฟกัสกับคะแนนสัญญาณไฟของ Yoast SEO ต้องบอกเลยว่าจริง ๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องโฟกัสให้ Yoast แสดงสัญญาณไฟเขียวทั้งหมด เพราะไม่ได้การันตีว่าถ้าสัญญาณไฟเขียวทั้งหมดแล้วบทความของคุณจะติดอันดับแรก ๆ บน Google หรือถ้าขึ้นสีแดงสักอันแล้วจะไม่ติดหน้าแรก
การดันเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกบน Google นั้นจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ที่เป็นกระแสในช่วงนั้น หรือกฎเกณฑ์ของ Google ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น Yoast SEO จึงถือว่าเป็นตัวช่วยให้ Google เชื่อถือในเว็บไซต์ของเรา และเข้าใจในเนื้อหาที่เราต้องการจะสื่อสารได้ง่ายขึ้นนั่นเองครับ
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือ Martech Tools
- Martech Tools จาก Google ที่สาย SEO ไม่ควรพลาด! Ep.1
- Martech Tools จาก Ahrefs ที่สาย SEO ไม่ควรพลาด! Ep.2
{{CTA="/blog"}}